News & Update

STYLE Bangkok เดือนตุลาคม 2562 ชวนคุณมาอัพเดทเทรนด์การออกแบบที่พักในญี่ปุ่น

 

ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆทั่วโลก มีโรงแรม โฮสเทล เกสเฮ้าท์ ที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวอย่างหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีที่พักที่มีรูปแบบเฉพาะตัวของญี่ปุ่นเอง ไม่ว่าจะเป็น เรียวกัง บิสสิเนสโฮเต็ล หรือ โรงแรมแบบแคปซูล ทำให้เทรนด์การออกแบบโรงแรมและที่พักของญี่ปุ่นมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมมือกับ องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่ญหรือ JETRO จัดงานสัมมนา “HOTEL BEYOND 2020” - Japanese Hotel Market from the Perspective of Design Trends ขึ้นในงาน STYLE Bangkok เดือนตุลาคม 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 17 ถึง 21 ตุลาคม 2562 ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานสัมนาเป็นจำนวนมากเพื่อรับฟังการบรรยายจาก มร.ชินอิจิ มิตทสึกิ ผู้จัดการทั่วไปแผนกการจัดการด้านออกแบบ และ มร. ทาคายะ ชิระโทริ ผู้จัดการทีมการวางแผนการตลาดของแผนก Solutions Promotion Department บริษัทมิตซุย ดีไซน์เทค บริษัทลูกของบริษัทมิตซุย ฟุโดซังกรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัท developer ชั้นนำของญี่ปุ่น

คุณชิระโทริ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดโรงแรมในญี่ปุ่น จะอิงกับภาพรวมตลาดท่องเที่ยวทั่วโลก เนื่องจากแนวโน้มผู้พักค้างคืนในญี่ปุ่นที่เป็นชาวญี่ปุ่นเองมีแนวโน้มค่อนข้างคงที่ หรือลดลง ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียรวมถึงญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้น มีการคาดการณ์ว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นอยู่ในภูมิภาคนี้ จะเป็น ภูมิภาคที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในปี 2018 ที่ มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นสูงถึง 31 ล้านคน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันประเภทของที่พักก็มีความหลากหลายตั้งแต่ โรงแรมหรูระดับห้าดาว โรงแรมที่มีเฉพาะตามประเภทการใช้งานในประเทศญี่ปุ่นเช่น city hotel หรือ business hotel ที่พักสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียกว่าเรียวกัง หรือ แคปซูลโฮเต็ล ก็ได้มีการปรับปรุงให้ทันสมัยเพื่อรองรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพในปี 2020

ส่วนทางด้านคุณมิตทสึกิ ได้กล่าวถึง เทรนด์ของการออกแบบโรงแรมและที่พักในญี่ปุ่นได้มีวิวัฒนาการเรื่อยมา ในยุคก่อนช่วงปี 1980s โรงแรมญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นการออกแบบในสไตล์คลาสสิก การตกแต่งภายในเน้นความหรูหรา ล็อบบี้ เพดานสูงมีส่วนอำนวยความสะดวกที่ครบครันทั้งสปา หรือฟิตเนสออกกำลังกาย หลังจากนั้นเทรนด์การออกแบบได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยในช่วงปี 1990s จะให้ความสำคัญไปที่ตัวดีไซน์เนอร์ โรงแรมที่โด่งดังในยุคนั้นคือ Morgans Hotel ที่กรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกาซึ่งได้ดีไซน์เนอร์ชื่อดังมาเป็นผู้ออกแบบให้

เมื่อเข้าสู่ปี 2000 การออกแบบโรงแรมจะเน้นไปที่เรื่องของไลฟ์สไตล์มากขึ้น เช่น โรงแรม Bulgari Hotel & Resort ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี หรือ โรงแรม Hoshinoya ที่เมืองตากอากาศ ชื่อดัง Karuizawa ซึ่งมีกิจกรรมมากมายที่เตรียมไว้ให้สำหรับผู้เข้าพัก ต่อมาเริ่มมีโรงแรมที่มีความคิดใหม่ๆที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การเข้าพัก เช่นแนวคิดการพัฒนากับความยั่งยืน (sustainability) มาปรับใช้กับการให้บริการในโรงแรมนั้นๆ

แนวโน้มการออกแบบพื้นที่ในโรงแรมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เริ่มมีการใช้แนวคิดผสมผสาน (crossover) มาปรับใช้ กล่าวคือ นอกจากพื้นที่ในโรงแรมที่แต่เดิมจะเอาไว้ใช้ในการพักผ่อนเพียงอย่างเดียวก็เริ่มมีการนำพื้นที่ส่วนอื่นเข้ามาในตัวโรงแรม รวมทั้งนำนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาปรับใช้ เช่น การมีหุ่นยนต์เข้ามาทดแทนพนักงานบางส่วน หรือการออกแบบพื้นที่ในลิฟต์ให้เก๋ไก๋สร้างลูกเล่น (gimmick) ให้แขกผู้เข้าพักถ่ายรูปแล้วส่งรูปเข้า เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม ที่พักบางแห่งก็ออกแบบให้โรงแรมเป็นกึ่งพิพิธภัณฑ์ หรือแม้แต่ผสมผสานพื้นที่ของโรงแรมกับพื้นที่ส่วนอื่นให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้าน หรือสบายสบายเหมือนอยู่ในร้านกาแฟ

เทรนด์การออกแบบโรงแรมให้มีพื้นที่หลากหลายบรรยากาศ สะท้อนถึงความต้องการสัมผัสกับประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น การดัดแปลงเลย์เอาท์หรือการออกแบบ ใช้ประโชน์จากพื้นที่ เล่นระดับ เพื่อให้แขกรู้สึกสนุกกับประสบการณ์ใหม่ๆ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ใช้พื้นที่ร่วมกันอย่างสูงสุด การสร้างเสน่ห์ให้กับห้องพักที่เล็กและแคบ หรือเอาร้านค้าที่สามารถหาซื้ออาหารและเครื่องดื่มได้อย่างง่ายดายมาตั้งไว้ในโรงแรม ราวกับอยู่ในร้านสะดวกซื้อ ทั้งนี้เนื่องจากรูมเซอรวิสมีอัตรากำไรต่ำ และมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา โรงแรมชื่อดังอย่าง Hilton New York ก็เริ่มให้บริการร้านอาหาร herb’n kitchen จัดส่งอาหารไปยังห้องพักตั้งแต่ปี 2013

มาร่วมอัพเดทเทรนด์ธุรกิจอุตสาหกรรมโรงแรมเพิ่มเติมได้ที่ STYLE Bangkok เดือนตุลาคม 2562 ที่ตั้งแต่วันนี้ - 21 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 –21.00 น. ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ติดตามความเคลื่อนไหว และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.stylebangkokfair.com/ หรือ สายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร. 1169